เกษตรกรผู้ปลูกมะม่วง เฝ้าระวัง เพลี้ยจักจั่นมะม่วง


ชาวสวนมะม่วงเฝ้าระวัง เพลี้ยจักจั่นมะม่วง ระบาดในช่วงมะม่วงแทงช่อดอก และพัฒนาผล .โดยตัวอ่อน และตัวเต็มวัยของเพลี้ยจักจั่นมะม่วง จะเข้าทำลายใบอ่อน ช่อดอก ก้านดอก และยอดอ่อน ระยะที่ทำความเสียหายให้มากที่สุด คือ ระยะที่มะม่วงกำลังออกดอก โดยดูดน้ำเลี้ยงจากช่อดอก ทำให้แห้งและดอกร่วง ติดผลน้อย หรือ ไม่ติดเลย.ระหว่างที่เพลี้ยจักจั่นดูดกินน้ำเลี้ยงจะถ่ายมูลมีลักษณะเป็นน้ำหวานเหนียว ๆ ติดตามใบ ช่อดอก ผล และรอบ ๆ ทรงพุ่ม ทำให้ใบมะม่วงเปียก ต่อมาจะเกิดราดำปกคลุม ถ้าเกิดมีราดำปกคลุมมาก มีผลต่อการสังเคราะห์แสง ใบอ่อนที่ถูกดูดน้ำเลี้ยงจะบิดงอโค้งลงด้าน ใต้ใบจะมีอาการปลายใบแห้งให้สังเกตได้.
วิธีป้องกันกำจัด
(1) การตัดแต่งกิ่งภายหลังเก็บผลผลิต ช่วยลดที่หลบซ่อนของเพลี้ยจักจั่นลง ทำให้การพ่นสารฆ่าแมลงมีประสิทธิภาพดีขึ้น
(2) ถ้าไม่มีการป้องกันกำจัด มะม่วงจะไม่ติดผลเลย จึงควรพ่นด้วยสารฆ่าแมลง
— แลมบ์ดา-ไซฮาโลทริน 2.5% EC อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ
— ไดโนทีฟูแรน 10% WP อัตรา 10 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ
— อิมิดาโคลพริด 10% SL อัตรา 10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ
— ไพมีโทรซีน 50% WG อัตรา 20 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ
— บูโพรเฟซิน 40% SC อัตรา 10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ
— ไทอะมีทอกแซม 25% WG อัตรา 2.5 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ
— อะซีทามิพริด 20% SP อัตรา 30 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร.
ก่อนมะม่วงออกดอก 1 ครั้ง เมื่อช่อดอกบานแล้วไม่ควรพ่นสารฆ่าแมลง เพราะอาจเป็นอันตรายต่อแมลงผสมเกสร และหมั่นตรวจดูตามช่อดอกอย่างสม่ำเสมอ.
การพ่นสารฆ่าแมลงให้มีประสิทธิภาพควรพ่นให้ทั่วถึงลำต้น มิเช่นนั้นตัวเต็มวัยจะเคลื่อนย้ายหลบซ่อนไปยังบริเวณที่พ่นสารฆ่าแมลงไม่ถึง นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงการปรับหัวฉีดให้เป็นละอองฝอย และระยะเวลาการพ่น.
(3) ใช้น้ำฉีดล้างช่อดอกและใบ เพื่อช่วยแก้ปัญหาช่อดอกและใบดำจากโรคราได้บ้าง ถ้าแรงอัดฉีดของน้ำแรงพอก็ช่วยให้เพลี้ยจักจั่นมะม่วงในระยะตัวอ่อนกระเด็นออกจากช่อดอกได้.ต้องระมัดระวังอย่าให้กระแทกดอกมะม่วงแรงเกินไป เพราะอาจทำให้ดอกหรือผลที่เริ่มติดร่วงได้
(4) ใช้กับดักแสงไฟ ดักตัวเต็มวัยที่บินมาเล่นไฟ.#เพลี้ยจักจั่นมะม่วง#มะม่วง#ราดำ#ศัตรูพืช#เตือนภัยเกษตร#กรมวิชาการเกษตร.ภาพ – https://www.pestnet.org/fact…/mango_leafhoppers_263.htmhttp://ippc.acfs.go.th/pest/G001/T011/Ins184

ที่มา : ก้าวไกลกับกรมวิชาการเกษตร